ไม่ทำก็อดตาย! พ่อแม่ลูก สุดรันทด อาศัยเล้าไก่ซุกหัวนอนรับจ้างปลูกผักวันละไม่กี่บาท ซ้ำป่วยทั้งครอบครัว ไม่มีแม้เงินซื้อยา วอนช่วยเหลือทั้งน้ำตา (1 แชร์ต่อลมหายใจ)

Loading...
Want create site? Find Free WordPress Themes and plugins.
Loading...
28 มิ.ย.60 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ต.ดอนนางหงส์ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ว่าพบครอบครัวหนึ่งอยู่กันอย่างแร้นแค้น หัวหน้าครอบครัวเป็นชายชราอยู่กับลูกสาวและหลานชาย ใช้ชีวิตอย่างน่าสงสาร จึงประสานไปยัง อบต.ดอนนางหงส์ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบบ้านหลังดังกล่าวไม่มีเลขที่ ปลูกอยู่ท้ายหมู่บ้านของบ้านโนนสะอาด หมู่ 8 ห่างไกลชุมชนหลายกิโลเมตร ยึดเล้าไก่เก่าเป็นที่ซุกหัวนอน ในสภาพโกโรโกโสใช้วัสดุที่หาง่าย เช่นฝาเอาไม้ไผ่สานเป็นโครงแล้วนำกระดาษถุงปูนซิเมนต์ใส่เป็นที่กันแดดกันฝน หลังคามุงจาก ภายในมีเพียงที่นอนและมุ้งเก่าๆ
นายเลิศศักดิ์ โมรัตน์ อายุ 67 ปี บ้านเลขที่ในบัตรประชาชนระบุ 11 หมู่ 5(บ้านโคกสว่าง) ต.ดอนนางหงส์ ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านนี้ไม่ไกลนัก พร้อมด้วย น.ส.คำประเสริฐ โมรัตน์ อายุ 36 ปี ลูกสาว และด.ช.ก้องศักดิ์ หรือน้องบอล โมรัตน์ อายุ 3 ปี 7 เดือน หลานชาย ยืนรอกลุ่มผู้มาเยือน โดยนายเลิศศักดิ์เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้อาศัยอยู่กับภรรยาในบ้านเลขที่ตามบัตรประชาชน ซึ่งเป็นบ้านของแม่ยาย มีบุตรด้วยกัน 2 คน ชาย 1 หญิง 1 น.ส.คำประเสริฐ เป็นคนเล็ก ภายหลังจากภรรยาเสียชีวิตเมื่อปี 2549 ตนจึงแยกมาปลูกกระท่อมอยู่คนเดียว ในพื้นที่นาเป็นมรดกของพ่อแม่ มีอยู่ทั้งสิ้น 3 ไร่ 2 งาน อาศัยทำนาปลูกข้าวไว้กิน ต่อมา น.ส.คำประเสริฐ เลิกรากับสามีชาวจังหวัดสุรินทร์ อุ้มท้องแก่ 8 เดือน กลับมาอยู่ด้วยกับตน และคลอดลูกชายคือน้องบอล ขณะนี้สภาพความเป็นอยู่ตนจะเป็นเสาหลักของครอบครัว เนื่องจากลูกสาวป่วยด้วยโรคไต ทำงานหนักมากไม่ได้ รายได้จะมาจากเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 600 บาท และรับจ้างทำงานทั่วไป นำมาเลี้ยงชีพประทังชีวิต
3
ทางด้าน น.ส.คำประเสริฐ กล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า มีสามีเป็นชาวสุรินทร์ เดิมมีลูกด้วยกัน 3 คน ต่อมาป่วยจากอาการไส้ติ่งแตกและแพทย์ยังบอกอีกว่า ตนเป็นโรคไตเสื่อมจึงทำการผ่าตัดที่โรงพยาบาลจังหวัดสุรินทร์ ภายหลังแยกกันอยู่กับสามี ตนจึงไปทำงานเป็นแม่บ้านโรงงานผลิตยางรถยนต์ที่ ต.อ่าวอุดม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ไม่นานสามีตามไปง้อขอคืนดี จึงกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ระหว่างนั้นสามีก็กลับไปทำงานที่บ้านเกิด และตนก็ตั้งครรภ์ขึ้นมาอ่อนๆ จนกระทั่งท้องแก่ทำงานไม่ไหวตั้งใจจะไปคลอดลูกที่บ้านสามี แต่ต้องพบกับคำพูดเหยียดหยามศักดิ์ศรีจากปากสามีว่า เด็กในท้องไม่รู้ว่าเป็นลูกใคร ตนจึงร้องไห้กลับมาหาพ่อและคลอดน้องบอลอยู่ที่นี่
เนื่องจากสภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรง ตนจะช่วยพ่อทำงานหาเงินด้วยการรับจ้างเก็บพริกวันละ 100 บาท ซึ่งก็ไม่ได้มีทุกวัน ส่วนอาหารจะกินแค่วันละ 2 มื้อ น้องบอลกินนมจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวันละ 1 กล่องเท่านั้น ทุกวันตนจะต้องปั่นจักรยานไปส่งลูกชายที่ศูนย์ฯ ประมาณ 5 กม. และโรคไตที่ตนป่วยอยู่ก็ไม่ได้ไปพบแพทย์ตรวจรักษา เพราะไม่มีเงินค่ารถค่ายา เพราะตนเป็นบุคคลตกหล่นจากการสำรวจ จึงไม่ได้สิทธิ์รักษาด้วยบัตรทอง หากมีอาการกำเริบจะใช้วิธีนอนพักเอาแรง และนายเลิศศักดิ์ผู้พ่อก็ป่วยด้วยโรคเบาหวาน ควานดัน แถมน้องบอลลูกชายป่วยเป็นโรคลมชัก เหตุที่ไม่มีใครรู้เรื่องในครอบครัว เพราะไม่เคยเล่าความทุกข์ยากให้ใครฟัง ไม่อยากให้เป็นภาระของสังคม อยู่กันตามมีตามเกิด เวลาฝนตกน้ำจะไหลเข้าที่นอนเฉอะแฉะไปหมด สิ่งที่อยากได้มากที่สุดคือทุนการศึกษาของลูก
4

5
ทางด้าน นางวีนัส ประสุนิงค์ ผอ.กองสวัสดิการสังคม อบต.ดอนนางหงส์ กล่าวว่าไม่ทราบมาก่อนว่าครอบครัวนี้อยู่กันอย่างทุกข์ยากแสนเข็ญ เกิดความสงสัยเมื่อตอนที่ทางศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเชิญผู้ปกครองประชุม เพื่อขอรับบริจาคเงินค่าบำรุงค่าน้ำค่าไฟ เดือนละ 100 บาท น.ส.คำประเสริฐ เกรงลูกชายจะไม่ได้เรียนหนังสือ ถึงกับร้องไห้โฮกลางที่ประชุมเพราะไม่มีเงินจ่าย ทางเจ้าหน้าที่จึงตามไปที่บ้าน พบสภาพความเป็นอยู่ถึงกับน้ำตาซึม ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ ทั้งบ้านมีเงินติดกระเป๋าเพียง 60 บาท จึงรวบรวมเงินให้การช่วยเหลือคนละเล็กละน้อย เบื้องต้นประสานไปยังศูนย์บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนครพนม ให้การช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความยากไร้ ซึ่งจะทำเรื่องเสนอไปยังหน่วยงานต่างๆขอความช่วยเหลือ สร้างบ้านในสภาพที่มั่นคง พร้อมจะพาตัว น.ส.คำประเสริฐ ไปพบแพทย์เพื่อรักษาอย่างต่อเนื่อง
ทางด้านนายเลิศศักดิ์ อยากได้น้ำบาดาล เพื่อนำไปทำการเกษตร ปลูกผักหาเลี้ยงชีพ ส่วนผู้ใจบุญต้องการบริจาคช่วยเหลือครอบครัวนี้สามารถติดต่อสอบถามตนได้โดยตรงที่ 098-6064865 หรือ 042-053060 อบต.ดอนนางหงส์
ที่มา siamvariety.com
 
Loading...
Loading...

Popular Posts

Sponsor Ads x

Loading...