Loading...
เด็กในไทยในยุคปัจจุบัน ถ้าให้พูดกันตรงๆ ก็ ยิ่งแก่แดดกันมากขึ้นทุกวัน พ่อและแม่ควรสังเกตและดูแลอย่างใกล้ชิดมิฉะนั้น ลูกของท่านอาจจะห้ามไม่ฟังแล้วก็เป็นได้ และวันนี้ เราจะมานำเสนอ เตือนสติ!?!? “5 โรคร้าย” ที่เด็กไทยในยุคปัจจุบัน “มักเป็นกัน!” บอกเลยมีประโยชน์มาก ??? มาชม…
Loading...
ระวัง 5 โรคร้าย ที่เด็กไทยมักเป็นกัน
1.โรคดัดจริต
อาการของโรค : เด็กที่ติดโรคนี้จะมีอาการ
คิดว่าตัวเองเป็นดารา คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ว่างต้องเดินห้าง กระเป๋าแบรนด์เนม (ก๊อปก็ได้ ถือๆไปเอามาถ่ายรูป ไม่มีใครรู้หรอกว่าปลอม) กาแฟต้องมีแบรนด์
จะกินข้าวแพงๆ ต้องถ่ายรูปอัพลงโซเชียล
แล้วนั่งจ้อง ยอดไลท์
ถ้าไม่ได้นี่กินข้าวไม่ลง!!!!
1.โรคดัดจริต
อาการของโรค : เด็กที่ติดโรคนี้จะมีอาการ
คิดว่าตัวเองเป็นดารา คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ว่างต้องเดินห้าง กระเป๋าแบรนด์เนม (ก๊อปก็ได้ ถือๆไปเอามาถ่ายรูป ไม่มีใครรู้หรอกว่าปลอม) กาแฟต้องมีแบรนด์
จะกินข้าวแพงๆ ต้องถ่ายรูปอัพลงโซเชียล
แล้วนั่งจ้อง ยอดไลท์
ถ้าไม่ได้นี่กินข้าวไม่ลง!!!!
2.โรคสำออย
อาการของโรค : เด็กที่ติดโรคนี้จะมีอาการ คิดว่าตัวเองบอบบางตลอดเวลา
หนักไปก็ไม่สู้ เหนื่อยมากก็ไม่ได้
ร้อนนิดก็ไม่ไหว สกปรกหน่อยก็ไม่เอา
ประมาณว่า “เจ้านายจะมาใช้ฉันอะไรนักอะไรหนา พ่อแม่ยังไม่เคยให้ทำขนาดนี้เลย”
อาการของโรค : เด็กที่ติดโรคนี้จะมีอาการ คิดว่าตัวเองบอบบางตลอดเวลา
หนักไปก็ไม่สู้ เหนื่อยมากก็ไม่ได้
ร้อนนิดก็ไม่ไหว สกปรกหน่อยก็ไม่เอา
ประมาณว่า “เจ้านายจะมาใช้ฉันอะไรนักอะไรหนา พ่อแม่ยังไม่เคยให้ทำขนาดนี้เลย”
3.โรคหลงตัวเอง
อาการของโรค : เด็กที่เป็นโรคนี้จะคิดว่าคิดว่าตัวเองเก่งมากสุดในปฐพี ความสามารถที่มี มันดีเลิศกว่าใคร ความผิดตัวเองเท่าเส้นขน แต่ความผิดคนอื่นเท่าภูเขา ทั้งๆที่แม่งก็ผิดเรื่องเดียวกัน
อาการของโรค : เด็กที่เป็นโรคนี้จะคิดว่าคิดว่าตัวเองเก่งมากสุดในปฐพี ความสามารถที่มี มันดีเลิศกว่าใคร ความผิดตัวเองเท่าเส้นขน แต่ความผิดคนอื่นเท่าภูเขา ทั้งๆที่แม่งก็ผิดเรื่องเดียวกัน
4.โรคบ้าเหตุผล
อาการของโรค : เด็กที่เป็นโรคนี้จะมีเหตุผลในทุกๆเรื่อง แต่เป็นเหตุผลของตัวเอง
มองในมุมของตัวเอง และไม่มีมุมของใคร
มาหักล้างเหตุผลของตัวเองได้
กูคิดแบบนี้ มันมีเหตุผล!!!!
ใครคิดไม่เหมือนกู ถือว่า ผิด
อาการของโรค : เด็กที่เป็นโรคนี้จะมีเหตุผลในทุกๆเรื่อง แต่เป็นเหตุผลของตัวเอง
มองในมุมของตัวเอง และไม่มีมุมของใคร
มาหักล้างเหตุผลของตัวเองได้
กูคิดแบบนี้ มันมีเหตุผล!!!!
ใครคิดไม่เหมือนกู ถือว่า ผิด
5.โรคปริมานเงินคือแรงบันดาลใจ
อาการของโรค : เด็กที่เป็นโรคนี้ จะตอบตัวเองไม่ได้ว่า ตัวเองอยากทำอะไร
อยากเป็นอะไร อยู่ยังไงแล้วมีความสุข
เด็กที่เป็นโรคนี้จะคิดได้แต่ว่า
ทำอะไรก็ได้ให้ได้เงินเยอะๆ!!!!!
บางคนเป็นหนัก ถึงขั้นระยะสุดท้าย
เขาจะทำทุกวิถีทางให้ได้เงินมา
ถึงแม้จะต้องขายศักดิ์ศรีก็เอา
อาการของโรค : เด็กที่เป็นโรคนี้ จะตอบตัวเองไม่ได้ว่า ตัวเองอยากทำอะไร
อยากเป็นอะไร อยู่ยังไงแล้วมีความสุข
เด็กที่เป็นโรคนี้จะคิดได้แต่ว่า
ทำอะไรก็ได้ให้ได้เงินเยอะๆ!!!!!
บางคนเป็นหนัก ถึงขั้นระยะสุดท้าย
เขาจะทำทุกวิถีทางให้ได้เงินมา
ถึงแม้จะต้องขายศักดิ์ศรีก็เอา
โรคทั้ง 5 นี้ ปัจจุบันยังไม่ยารักษา
และก็ไม่อาจทราบที่มา
เพียงแต่สัณนิฐานว่า
“อาจเกิดจากสังคมของทุนนิยมจนเกินไป”
และก็ไม่อาจทราบที่มา
เพียงแต่สัณนิฐานว่า
“อาจเกิดจากสังคมของทุนนิยมจนเกินไป”
บทความที่น่าสนใจ : กระจ่าง!!! รู้สักทีก่อนตาย “กระเป๋าช่องเล็ก” ของกางเกงยีนส์ ที่แท้เขาเอาไว้เพื่อใส่สิ่งนี้เองนะ
Loading...
มีใครเคยสงสัยมั้ย ทำไมกระเป๋าหน้าของกางเกงยีนส์ต้องมีช่องเล็กๆ?
ใส่เหรียญก็ไม่สะดวก ใส่มือถือยิ่งไม่ต้องพูดถึง แล้วมันเอาไว้ทำอะไรกันแน่นี่
ที่แท้ กางเกงยีนส์แต่ดั้งเดิมเป็นกางเกงทำงาน คนใส่ส่วนใหญ่เป็นคนงาน เมื่อก่อนไม่มีนาฬิกาข้อมือ มีแต่นาฬิกาห้อยคอ เพื่อที่จะไม่ให้คนงานทำนาฬิกาพังเวลาทำงาน ก็เลยใส่มันไว้ในกระเป๋าช่องเล็กๆนั่นเอง
กระเป๋าช่องเล็กๆตอนที่ทำครั้งแรกๆเรียกว่า…ช่องนาฬิกา
กระเป๋าช่องเล็กๆตอนที่ทำครั้งแรกๆเรียกว่า…ช่องนาฬิกา
ที่ต้องทำช่องซะเล็ก ก็เพื่อไม่ให้นาฬิการ่วงออกมาได้ ตอนนี้แม้ว่ากางเกงยีนส์จะกลายเป็นกางเกงใส่ไปไหนต่อไหนก็ได้แล้ว แต่เจ้ากระเป๋าช่องเล็กๆก็ยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง
นี่เป็นประวัติศาสตร์ของกางเกงยีนส์
ปี 1855 – กางเกงยีนส์ในยุคแรกเลยมีแค่กระเป๋าหลังหนึ่งช่อง
ปี 1872 – เริ่มต้นใช้โลหะในการเย็บกางเกงยีนส์ เพิ่มเพื่มความแข็งแรงให้ตัวกางเกง
ปี 1873 – กางเกงยีนส์ถูกเปลี่ยนจากสีเทาเป็นสีน้ำเงิน กระเป๋าหลังก็ได้รับการตกแต่งด้วยด้ายสีส้มเดินเส้นคู่
ปี 1886 – ป้ายข้างหลังตรงเอวเปลี่ยนจากคนแคระเป็นม้าสองตัว
ปี 1890 – เพิ่มช่องใส่นาฬิกา
นี่เป็นประวัติศาสตร์ของกางเกงยีนส์
ปี 1855 – กางเกงยีนส์ในยุคแรกเลยมีแค่กระเป๋าหลังหนึ่งช่อง
ปี 1872 – เริ่มต้นใช้โลหะในการเย็บกางเกงยีนส์ เพิ่มเพื่มความแข็งแรงให้ตัวกางเกง
ปี 1873 – กางเกงยีนส์ถูกเปลี่ยนจากสีเทาเป็นสีน้ำเงิน กระเป๋าหลังก็ได้รับการตกแต่งด้วยด้ายสีส้มเดินเส้นคู่
ปี 1886 – ป้ายข้างหลังตรงเอวเปลี่ยนจากคนแคระเป็นม้าสองตัว
ปี 1890 – เพิ่มช่องใส่นาฬิกา
ที่แท้เจ้าช่องเล็กๆในกระเป๋ากางเกงก็มีความเป็นมาอย่างนี้นี่เอง อ่านจบถึงได้รู้
ปกติพวกคุณใช้ช่องนี้ใส่อะไรกันบ้าง??
ปกติพวกคุณใช้ช่องนี้ใส่อะไรกันบ้าง??
ข้อมูลจาก : Siamupdate.com